วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

วัดแสงสิริธรรม


       วัดแสงสิริธรรม  เดิมชื่อ “วัดขวิด” เดิมเป็นวัดร้างสร้างขึ้นมาใหม่ พ.ศ.2327 ได้รับพระราชทานวิสิงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2334 ภายในวัดมีอุโบสถกว้าง 8 เมตร ยาว 24 เมตร บูรณะเมื่อปี พ.ศ.2392 มีลักษณะทรงโบราณเครื่องบนไม้สัก หลังคามุงกระเบื้องดินเผา พระประทานหลวงพ่อโตปางมารวิชัย และมีหลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย



      มีเรื่องเล่าแปลกๆ ที่เชื่อกันว่าเป็นอภินิหารของหลวงพ่อดำ เกิดขึ้นถึง 3 ครั้ง คือ มีโจรมาขโมยหลวงพ่อดำ ซึ่งขนาดองค์ของท่านอุ้มสองคน เอาไปได้สบาย ๆ แต่เมื่อโจรกรรมไปแล้ว ผู้โจรกรรมก็ให้มีอันเป็นไป ต้องนำหลวงพ่อดำกลับคืนมาทุกครั้ง แถมยังเอากลับมาไว้ที่เดิม คือ หน้าองค์พระประธาน


ที่มา : http://iam.hunsa.com/popcornthai/article/102268


วัดท่าอิฐ

     


      วัดท่าอิฐ  ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.2316 ชาวมอญ ปั้นอิฐและเป็นท่าน้ำนำอิฐลงเรือ ไปสร้างกรุงธนบุรีและกรุงเทพมหานคร ในรัชกาลพระเจ้าตากสินและรัชกาลที่ 1  พ.ศ. 2351 รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าให้พระยาพลเทพ(บุญนาค) นำชาวมุสลิมมาอาศัยอยู่เป็นชุทชนใหญ่จนทุกวันนี้ มีพระพุทธรูปปางประทานพรทรงพม่าที่มีคนนับถือกันมากอยูในมณฑปริมน้ำ


และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งขอวัดท่าอิฐก็คือ ท้าวเวสสุวรรณที่แกะสลักจากไม้ประดู่ใหญ่ที่สุดในโลก 


ที่มา : http://www.touronthai.com/


วัดเชิงเลน


    วัดเชิงเลน สร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง พร้อมวัดท้ายอ่าว (ร้าง) และวัดเชิงท่า(ร้าง)แต่วัดนี้ยังมีถาวรวัตถุคงสภาพสมบูรณ์อยู่ กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนประกาศเป็นโบราณสถาน แต่วัดเชิงท่าได้เสื่อมโทรมลงมาเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพัง ส่วนวัดเชิงเลน ยังมีพระภิกษุจำพรรษาเรื่อยมา โดยมีตระกูล นุ่มไทย เป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์ ต่อมาได้รับพระราชทานนามสกุลใหม่ในราชทินนาม
 “เนติลักษณะวิจารณ์” จนถึงสมัยพระภิกษุสังข์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเชิงเลน

        พ.ศ.2450 ได้รับการพัฒนาและขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ 1 เม.ย. 2456 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ หล่อพระพุทธรูปทรงบาตร ประดิษฐ์บริเวณจุดตัดแม่น้ำ


ที่มา : http://www.travel2guide.com/วัดเชิงเลน.html

วัดกลางเกร็ด




       วัดกลางเกร็ด มีพระอุโบสถขนาดเล็กเก่าแก่มาก(ปรกติไม่เปิด) พระประธานปางมารวิชัย และมีพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ยาว 22 เมตร อายุกว่า 100 ปีที่มีผู้นับถือจำนวนมาก ตั้งวัดเมื่อ  พ.ศ. 2310 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2332

     ชาวบ้านที่ค้าขายมักจะมาขอพรหลวงพ่อโตวัดกลางเกร็ด เพื่อขอให้ทำการค้าเจริญรุ่งเรือง ร่ำำ่รวย นอกจากนี้ น้ำมนต์ใต้พระอุโบสถวัดกลางเกร็ด ยังเป็นที่นิยมของชาวบ้าน เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์นัก อาบรักษาอาการเจ็บไข้ไม่สบายต่าง ๆ  อาบขับไล่สิ่งอัปมงคล ความชั่วร้าย ได้ผลดี


      พระพุทธไสยาสน์ ยาว ๗ วา เดิมนั้นอยู่กลางแจ้ง ชำรุดมาก ต่อมาได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งองค์ ตามแบบที่นิยมกันว่างามในสมัยนั้น พระพุทธไสยาสน์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อพระนอน มักจะมีผู้คนมาบนบานขอพรให้การงานสำเร็จดังประสงค์    ภายในวิหารพระนอนมีบุษบกประดิษฐานหลวงพ่อนิล ให้สักการะด้วย


ที่มา : https://tawanth.wordpress.com/2012/02/18/วัดกลางเกร็ดนนทบุรี-มีน

วัดฉิมพลี




       วัดฉิมพลี ตั้งอยู่บนเกาะเกร็ดทางด้านทิศใต้ เป็นวัดโบราณ ที่ชาวบ้านสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาเรียกกันว่า "วัดป่าฝ้าย" มีชื่อเต็มว่า "วัดฉิมพลีสุทธาวาส" มีพระอุโบสถเก่าขนาดเล็กลักษณะงดงามมาก และยังคงสภาพสมบูรณ์ตามแบบเดิม หน้าบันจำหลักไม้เป็นรูปเทพทรงราชรถล้อม รอบด้วยลายดอกไม้ ยอดมณฑป ซุ้มปประตูและซุ้มหน้าต่างเป็นแบบหน้านางซึ่งยังคงความงามอยู่ ฐานพระอุโบสถโค้งแบบเรือสำเภา ด้านเหนือพระอุโบสถมี เจดีย์ทรงระฆังซึ่งแปลกกว่าที่อื่น คือ มีกระจกสีประดับอยู่ที่องค์เจดีย์ นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตาจีนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างประตูกำแพงพระอุโบสถ 2 ตัวอีกด้วย


      อาณาบริเวณของวัดฉิมพลีในปัจจุบันนั้นใหญ่กว่าในอดีตเนื่องจากรวมเอาอาณาบริเวณของวัดป่าเลไลย์ ซึ่งในขณะนี้เป็นวัดร้างเข้าด้วยกันแล้ว วัดป่าเลไลย์นี้มีพระอุโบสถที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง และมีใบเสมาทำจากหินชนวนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปากเกร็ด บานประตูเขียนลายทองรดน้ำภาพเสี้ยวกาง ที่งดงาม แต่ได้ลบเลือนไปมากแล้วรวมทั้งยังมีความสูง 1.69 เมตร ส่วนพระประธานและพระพุทธรูปทรงเครื่องน้อยแบบอยุธยา ได้นำไปประดิษฐานที่พระอุโบสถ


ที่มา : http://www.thailovetrip.com/view.php?id_view=227

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

วัดปรมัยยิกาวาส




          วัดปรมัยยิกาวาส หรือ “วัดปากอ่าว”มีชื่อในภาษามอญว่า " เภี่ยมุเกี๊ยะเติ้ง " หมายความว่า วัดหัวแหลม เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ดังปรากฎพระเจดีย์มุเตาซึ่งเป็นเจดีย์ทรงมอญ ปัจจุบันอยู่ติดริมแม่น้ำกระแสน้ำกัดเซาะฐานราก ทำให้เจดีย์มีลักษณะเอียง อันเป้นสัญลักษณ์ของวัดมาแต่โบราณ ต่อมาสมัยธนบุรี และต้นกรุงรัตนโกสินทร์ได้มีชาวมอญ ที่อพยพเข้ามาตั้งบ้าน เรือนที่เกาะมากขึ้น วัดแห่งนี้จึงเป็นศูนย์กลางของชุมชน และสถานที่จัดงานประเพณีพิธีกรรมของชาว มอญบนเกาะเกร็ด และที่ท่าเรือหน้าวัดจะพบปราสาทไม้ห้ายอดซึ่งเคยเป็นที่ตั้งเหม (โลงศพมอญ) ของอดีตเจ้าอาวาสตั้งตระหง่านอยู่ ภายในวัดมีสถานที่ท่องเที่ยวได้แก่

           พระอุโบสถ มีการตกแต่งด้วยวัสดุนำเข้าจากประเทศอิตาลี ศิลปะยุโรปแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่กระนั้พระองค์ยังรักษาธรรมเนียมเดิม โดยรับสั่งให้ที่นี่ริเริมการสวดเป็นภาษามอญ และปัจจุบันที่นี่เป็นวัดเดียว ที่ยังเก็บรักษาพระไตรปิฏกภาษามอญไว้ พระประธานในพระอุโบสถนั้นเป็นพระปางมารวิชัย ฝีพระหัตถ์พระองค์เจ้าประดิษฐว รการ ผู้สร้างพระสยามเทวาธิราช รัชกาลที่ 5 ทรงยกย่องว่าพระประธานองค์นี้ งามด้วยพระพักตร์ดูมีชีวิตชีวาเหมือนคนจริง เอกลักษณ์ของมอญอีกอย่างหนึ่งในวัดนี้คือ เจดีย์ทรงรามัญที่จำลองแบบมาจากพระธาตุเจดีย์มุเตา เมืองหงสาวดี ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของวัดติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งคนมอญนับถือมาก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

           พระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์สมัยอยุธยาตอนปลาย ความยาว 9.50 เมตร มีภาพจิตรกรรมที่เพดานนั้นแปลกตากว่าที่อื่น เป็นภาพลายปฐมจุลจอมเกล้า หน้าพระวิหารประดับตราพระเกี้ยว เป็นตราประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านหลังพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี ชื่อว่า พระนนทมุนินท์ เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนปลาย ปางขัดสมาธิเพชร ประดิษฐานอยู่ในบุษบกแบบมอญ (จองพารา) สลักโดยฝีมือช่างเมืองนนท์ ที่มุขเด็จหน้าวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน ซึ่งซาง ซิว ซูน ชาวพม่าถวายให้กับรัชกาลที่ 5 พระวิหารเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-16.00 น.

           จุดเด่นของวัดนี้คือ จดีย์ทรงรามัญ ก่ออิฐถือปูน ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ฐานกว้างยาวด้านละ ๕ วา สูง ๔ วา           ๑ ศอก ยอดมีฉัตร ๕ ชั้น อย่างรามัญ สูง ๑ วา ตั้งอยู่หัวมุมเกาะเกร็ด ทางราชการได้ขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถาน ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ที่มา : http://nbi.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=350:2013-12-23-07-28-12&catid=93:2013-11-28-13-11-37&Itemid=196

วัดไผ่ล้อม


          วัดไไผ่ล้อมเกาเกร็ด สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีโบสถ์ที่งดงาม ลายหน้าบันจำหลักไม้เป็นลายดอกไม้ มีคันทวยและบัวหัวเสาที่งดงามเช่นกัน หน้าโบสถ์เจดีย์ขนาดย่อมสององค์รูปทรงคล้ายมะเฟือง ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง ประดับลายปูนปั้น คนมอญเรียกว่า "เพี๊ยะโต้" 

         เป็นวัดที่สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีปูชนียสถานที่สำคัญ คือ อุโบสถ เป็นโบสถ์สมัยอยุธยาที่งามมากแห่งหนึ่ง แต่มีการซ่อมครั้งใหญ่สมัยรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 3 ลายจำหลักไม้ที่หน้าบันเป็นลายดอกไม้งามมาก เช่นเดียวกับสาหร่ายและรวงผึ้งแกะสลักไม้ได้งดงามมีคันทวยและบัวหัวเสาที่งดงามเช่นกัน คนมอญเรียกวัดนี้ว่า "เพี๊ยะโต้" ข้างวัดไผ่ล้อมมีวัดเก่าแก่ที่รักษาไว้ คงสภาพเดิม ทำจากไม้